รายงานการวิจัย การพัฒนาความสามารถด้านการฟังและการอ่านคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้น
ประถมศึกษา ปีที่ 2 โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการฟังและการอ่านคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
ชื่อผู้วิจัย เกศินี รัตน์นนท์
ที่ปรึกษางานวิจัย ผอ.ดร.ณรงค์ ลาภเกิน ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาบริหารการศึกษา
นางนิตยา เต็งประเสริฐ ศศบ. สาขาหลักสูตรและการประเมิน
นางสาวยุภาพร คำมณี บธบ. สาขาการบริหารธุรกิจ
ปีที่ทำการวิจัย 2557
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อ (1) เพื่อสร้างนวัตกรรมนำไปพัฒนาผู้เรียนในเรื่องการฟังและการอ่านคำศัพท์ภาษาอังกฤษ (2) เพื่อนำนวัตกรรมไปใช้พัฒนาผู้เรียนในเรื่องการฟังและการอ่านคำศัพท์ภาษาอังกฤษ 10 ครั้ง (3) เพื่อหาค่าประสิทธิภาพของนวัตกรรม E1/E2 = 80/80 (4) เพื่อเปรียบเทียบผลการสอบก่อน ( per-test) และหลังเรียน ( post-test) (5) เพื่อศึกษาค่าประสิทธิภาพการสอน ( C.V. )
กลุ่มตัวอย่างได้มาจากประชากรชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/1 ทั้งห้องรวม 39 คน เป็นการสุ่มแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบทดสอบก่อนเรียน - หลังเรียน นวัตกรรม ได้แก่ แบบฝึกเสริมทักษะการฟังและการอ่านคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ซึ่งเครื่องมือและนวัตกรรมดังกล่าวผ่านการตรวจสอบคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่าน สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย () ค่าร้อยละ (%) และค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D)
การดำเนินการเริ่มต้นจากการทดสอบก่อนเรียน (Pre - test) แล้วบันทึกค่าคะแนนไว้ จากนั้นดำเนินการโดยใช้ แบบฝึกเสริมทักษะการฟังและการอ่านคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ฝึกต่อเนื่องกันเป็นเวลา 10 สัปดาห์ มีการทดสอบระหว่างฝึก 2 สัปดาห์ / ครั้ง แล้วนำผลการสอบมาเปรียบเทียบหาค่าเฉลี่ย สัปดาห์สุดท้ายจัดให้มีการทดสอบหลังเรียน (Post – test) เพื่อนำไปเปรียบเทียบความก้าวหน้ากับผลการสอบก่อนเรียน
ผลการวิจัยพบว่า
1. คุณภาพของเครื่องมือที่เป็นนวัตกรรม ได้แก่ แบบฝึกเสริมทักษะการฟังและการอ่านคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่กำหนดไว้ E1/E2 = 80/80 ปรากฏว่าค่าประสิทธิภาพของกระบวนการ E1 มีค่าเท่ากับ 81.34 และค่าประสิทธิภาพของผลลัพธ์ E2 มีค่าเท่ากับ 91.00 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
2. ผลการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน ( Pre-test และ Post-test) ปรากฏว่าผลการสอบหลังเรียนได้ค่าเฉลี่ยสูงกว่าก่อนเรียน โดยมีค่าเฉลี่ย () = 8.17 หรือ ร้อยละ 81.79 การพัฒนาอยู่
ในระดับ ดีมาก
3. ผลการพัฒนาระหว่างเรียน โดยมีผลจากการทดสอบจำนวน 10 ครั้ง ปรากฏว่า ผลการทดสอบมีการพัฒนาสูงขึ้นตามลำดับและผลการทดสอบ 10 ครั้ง มีค่าเฉลี่ย () = 8.13 หรือคิดเป็นร้อยละ 81.38 อยู่ในระดับ ดีมาก
4. ค่าสัมประสิทธิ์การกระจาย ( C.V. ) หรือค่าประสิทธิภาพการสอน มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 12 ซึ่งอยู่ในระดับ ดี